
อ่านเฉพาะหัวข้อ
ความชื้นในอากาศ คืออะไร ?
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มความชื้นในอากาศภายในห้องหรือพื้นที่ที่มีความแห้ง โดยวิธีหนึ่งคือการเพิ่มน้ำหรือความชื้นเข้าสู่อากาศ เครื่องเพิ่มความชื้นทำงานโดยการแปลงน้ำเป็นฝอยน้ำหรือน้ำหมอกแล้วกระจายในอากาศ ทำให้อากาศภายในห้องมีความชื้นสูงขึ้น ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพอากาศให้มีความชื้นที่เหมาะสม มีประโยชน์ต่อสุขภาพและความคุ้มค่าของผิวหนัง และช่วยลดอาการผิวแห้ง การคัดลมทางเดินหายใจแห้ง เช่น อาการแสบคัดในลำคอและตาแห้ง อาการไอแห้ง และอาการแพ้ฝุ่นละออง อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับความแห้งของอากาศเช่นอาการแห้งผิวหนัง อาการแห้งตา และอาการเจ็บคอ (ประโยชน์ 5 ประการ)
ความชื้นในบ้านสำคัญอย่างไร ?
การเพิ่มความชื้นในบ้าน เรามักจะคำนึงถึงการวางเอย่างเดียว แต่ความจริงแล้ว มีสิ่งอื่น ๆ ที่มีผลต่อความชื้นในบ้านด้วย เช่น การรักษาความสะอาดของบ้าน การเปิดประตูหรือหน้าต่างเพื่อให้ลมไหม้เข้ามา การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่งผลต่อความชื้น และอื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้น หากต้องการเพิ่มความชื้นในบ้านอย่างเหมาะสม ก็ควรให้คำแนะนำดังต่อไปนี้เป็นอย่างมาก
- ควรใส่อุปกรณ์เพิ่มความชื้น เช่น เครื่องฟอกอากาศที่มีฟังก์ชันเพิ่มความชื้น หรือเครื่องเติมน้ำมันหอมระเหย ซึ่งสามารถเพิ่มความชื้นให้กับบรรยากาศได้อย่างรวดเร็ว และช่วยปรับสมดุลความชื้นในบ้านให้ดีขึ้น
- ควรรักษาความสะอาดของบ้าน เพราะฝุ่นและเศษผิวหนังอาจส่งผลต่อความชื้นในบ้าน ดังนั้น ควรประจำทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เพื่อให้บ้านมีความสะอาดและสะดวกสบาย
- ควรเปิดประตูหรือหน้าต่าง เพื่อให้ลมไหม้เข้ามาในบ้าน ซึ่งช่วยลดความชื้นในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควรเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับบรรยากาศ เช่น เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า ควรเป็นชนิดที่มีฟังก์ชันลดความชื้น และควรมีระบบระบายอากาศที่ดี

ควรพิจารณาตำแหน่งการวางที่เหมาะสมอย่างไร ?
ควรใส่ใจในการเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ความชื้นกระจายอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในบริเวณห้องและบ้านทั้งหมด นี่คือตำแหน่งที่คุณสามารถวางได้อย่างเหมาะสม :
1.ขนาดของห้อง
พิจารณาขนาดของห้องเพื่อเลือกให้พอดีกับพื้นที่ห้อง ห้องขนาดเล็กอาจต้องการเพิ่มความชื้นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าห้องขนาดใหญ่
2.ระดับความชื้นในห้อง
ระดับความชื้นในห้องเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเลือกวางในห้องที่สามารถวัดได้โดยใช้เครื่องวัดความชื้นที่เรียกว่าฮิวมิดิตีเตอร์ (hygrometer) ซึ่งมักจะมีอยู่ในเครื่องวัดอุณหภูมิและความชื้น (thermo-hygrometer) หรือสามารถใช้เครื่องวัดความชื้นแบบแยกต่างหากได้ด้วยตนเอง
ระดับความชื้นที่เหมาะสมในห้องอยู่ระหว่าง 40% – 60% ความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity) ที่น้อยกว่า 40% อาจถือว่าน้อยเกินไป ในขณะที่ความชื้นสัมพัทธ์ที่มากกว่า 60% อาจถือว่าสูงเกินไปและอาจต้องพิจารณาการระบายความชื้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภูมิอากาศในพื้นที่ที่คุณอาศัย และความต้องการในการควบคุมความชื้นของคุณเอง คุณอาจต้องทดลองและปรับระดับความชื้นในห้องเพื่อหาค่าที่เหมาะสมและสบายตามความต้องการของคุณได้เอง

3.ขนาด
สำหรับใช้ในห้องส่วนใหญ่มีขนาดเล็กถึงกลาง ซึ่งเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงกลางเช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น และห้องน้ำ ขนาดสามารถระบุได้ในข้อมูลผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิต เช่น ความสามารถในการเติมความชื้นต่อวันหรือความจุของถังน้ำ
สำหรับห้องที่ใหญ่ขึ้น เช่น ห้องพื้นที่ใช้สำหรับการประชุมหรือห้องครอบครัว อาจต้องใช้เครื่องที่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งมีความสามารถในการเพิ่มความชื้นที่มากขึ้นและรองรับพื้นที่ที่กว้างขึ้น
การเลือกขนาดควรพิจารณาพื้นที่ห้อง ความต้องการในการเพิ่มความชื้น และคำแนะนำของผู้ผลิต แนะนำให้ทำการค้นคว้าข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ขนาดที่เหมาะสมสำหรับคุณ
4.การไหลเวียนของอากาศ
การไหลเวียนของอากาศที่เพียงพอสำหรับการกระจายความชื้นที่สม่ำเสมอ การจำกัดการไหลเวียนของอากาศจะทำให้ไอน้ำสะสมในบริเวณหนึ่ง ที่ดีที่สุดคือเลือกตำแหน่งกลางที่มีการไหลเวียนของอากาศที่เหมาะสม
คุณควรติดตั้งในตำแหน่งที่อากาศสามารถไหลผ่านไปยังทุกมุมของห้อง โดยการวางเครื่องใกล้หน้าต่างหรือบริเวณที่มีการไหลเวียนอากาศและการเคลื่อนไหวของอากาศเพียงพออาจช่วยให้การกระจายความชื้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

พื้นที่ที่ไม่ควรวาง
มีบางพื้นที่ในบ้านที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือความไม่สะดวกในการใช้งาน ดังนั้น หากคุณไม่แน่ใจว่าควรวางไว้ในพื้นที่ไหน คุณควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการวาง ดังนี้
- กลางแจ้ง: ควรหลีกเลี่ยงการวางเครื่องในที่โดดเดี่ยวหรือที่ติดตั้งโดยตรงใต้แสงแดด เนื่องจากน้ำที่เกิดจากการเพิ่มความชื้นอาจไปสู่จุดที่ผิวดินแห้งและทำให้เกิดความเสียหายต่อพืชและอุปกรณ์ต่าง ๆ
- โดยทั่วไป: พื้นที่ที่มีการไหลของน้ำอาจทำให้เครื่องเพิ่มความชื้นเกิดความเสียหาย ยกเว้นหากมีการติดตั้งระบบระบายน้ำอย่างเหมาะสม
- ห้องน้ำ: ไม่ควรวางเครื่องในตำแหน่งที่มีการฉีกขาดหรือกำแพงอ่อนเนื่องจากความชื้นอาจทำให้กำแพงเสียหาย
- ห้องครัว: ควรหลีกเลี่ยงการวางเครื่องในตำแหน่งที่ได้รับความร้อนจากเตาหรือเตาอบ เนื่องจากความชื้นอาจทำให้เครื่องเสียหาย
ข้อควรระวัง
ประโยชน์สำหรับการปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้านหรือที่ทำงาน แต่การวางที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร หรือทำให้เกิดผลเสียต่อเครื่องเองและสิ่งแวดล้อมได้ ข้อควรระวังได้แก่ :
- ไม่ควรวางใกล้กับเด็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะความชื้นสูงอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือแพ้ทางเดินหายใจ
- ไม่ควรวางใกล้กับเครื่องไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เพราะความชื้นสูงอาจทำให้เกิดเสียงดังหรือเกิดการชำรุด
- ไม่ควรในที่ที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ในมุมห้องที่แคบและไม่มีการถ่ายเทอากาศ หรือในที่ที่มีการเคลื่อนไหวของลมแรง
- ห้ามวางในที่ที่มีการไหลของน้ำ หรือในที่ที่มีความชื้นสูงอยู่แล้ว เช่น ในห้องน้ำหรือห้องครัวที่มีการใช้น้ำอยู่เป็นประจำ
- ไม่ควรวางในที่ที่อุณหภูมิสูง เช่น ในที่ที่มีแสงแดดเข้ามาโดยตรง หรือใกล้กับเครื่องปล่อยควันหรืออุณหภูมิสูง
การวางในที่ที่เหมาะสมและถูกต้องจะช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศในบ้านหรือที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดความเสียหายต่อเครื่อง
สรุป
อากาศเป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของบุคคล แต่วางตำแหน่งไหนถือว่าเหมาะสมและดีที่สุด? มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา เช่น ขนาดของห้อง ปริมาณน้ำที่ต้องการ และสถานที่ที่เหมาะสม
เมื่อพิจารณาขนาดของห้อง ควรเลือกที่มีความสามารถในการทำงานได้เหมาะสมกับขนาดของห้อง หากเครื่องทำงานได้ดีเกินไป อาจทำให้ความชื้นเกินจนเกิดความชื้นในอากาศ แต่หากเครื่องทำงานได้น้อยเกินไป จะไม่สามารถเพิ่มความชื้นในอากาศได้เต็มที่
นอกจากนี้ ควรพิจารณาปริมาณน้ำที่ต้องการเพิ่มความชื้นในอากาศ โดยต้องคำนึงถึงปริมาณน้ำที่เครื่องสามารถรับได้ และปริมาณน้ำที่เครื่องสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด
สำหรับสถานที่ที่เหมาะสม เช่น ห้องนอน หรือห้องทำงาน โดยควรหลีกเลี่ยงการวางเครื่องใกล้กับไฟฟ้าหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันการเกิดอันตราย
ดังนั้น การวางในอากาศที่เหมาะสมถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในการดูแลสุขภาพของบุคคล โดยควรพิจารณาขนาดของห้อง ปริมาณน้ำที่ต้องการ และสถานที่ที่เหมาะสม อย่างละเอียดและรอบคอบ
ข้อมูลอ้างอิง : https://www.griffithenergyservices.com/articles/the-importance-of-balancing-your-homes-humidity