อ่านเฉพาะหัวข้อ
นอนกรนคืออะไรและมีสาเหตุอะไรบ้าง?
อาการกรน หมายถึงการตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืนโดยไม่ตระหนักตัวว่าเรากำลังตื่นอยู่ หรือตื่นโดยไม่มีเหตุการณ์ที่ชัดเจน โดยทั่วไปแล้ว เกิดจากความผิดปกติของประสาทที่ควบคุมการนอนหลับ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกรนอาจมีหลายประการ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์หรือยาบ้า โรคอายุรกรรม เครื่องดื่มที่มีกาแฟหรือน้ำชาเย็น ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่ช่วยเพิ่มความตื่นเต้นของระบบประสาท และโรคหลายชนิดที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น โรคการสมาธิสั้น โรคอาการเคลื่อนไหวได้เอง โรคโปลิโอเซสไตรประสาทและโรคพาร์กินสัน

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การกรนเป็นอาการที่สามารถกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจของคนที่มีปัญหาอาการกรนได้ ในทางกาย คุณอาจเจอกับอาการอ่อนเพลีย ความง่วงซึมเศร้า สูญเสียความจำ การเคลื่อนไหวมีปัญหา และการเจ็บหน้าท้อง เบื้องต้น ส่วนทางจิตใจ คุณอาจเจอกับอาการวิตกกังวล ความโกรธง่าย สมาธิลดลง และอารมณ์ไม่สมดุล เมื่อต้องพบกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
ดังนั้น คุณจึงควรระวังและคอยตรวจสอบถึงคุณภาพของการนอนหลับของคุณด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบด้านสุขภาพ
ความรุนแรงและอันตราย สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ
สามารถแบ่งระดับความรุนแรงและอันตรายได้ดังนี้:
ระดับ 1: รุนแรงน้อยและไม่อันตราย
- รุนแรงน้อยอาจมีการเคลื่อนไหวน้อยและมักเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว
- ไม่ค่อยมีผลกระทบต่อสุขภาพและประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน
ระดับ 2: รุนแรงปานกลางและอาจมีความเสี่ยง
- รุนแรงปานกลางอาจมีการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น และเกิดเป็นระยะเวลานานกว่าระดับ 1
- อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเสี่ยงในสุขภาพ เช่น ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับ
ระดับ 3: รุนแรงมากและอันตราย
- รุนแรงมากอาจมีการเคลื่อนไหวรุนแรง และเกิดเป็นความถี่ตลอดเวลา
- อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย เช่น ภาวะหัวใจวาย หรือมีผลกระทบต่อภาวะสมองเสื่อม
ควรระมัดระวังและให้ความสำคัญกับอาการกรนที่มีความรุนแรงและเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน หากมีอาการที่น่าเชื่อถือว่าอาจเป็นอันตราย ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาและการจัดการสภาพนอนหลับเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การวินิจฉัย
การวินิจฉัยอาการกรนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เนื่องจากสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และไม่มีการตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการที่ชัดเจน เพียงแค่หากคุณมีอาการบ่อยๆ หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรค แพทย์อาจจะให้คุณทำการตรวจการนอนหลับด้วยตนเอง หรือส่งคุณไปทำการตรวจเพื่อวินิจฉัยในโรงพยาบาล
การวินิจฉัยอาการกรนได้แก่
- การตรวจสอบประวัติเฉพาะโรคและประวัติการนอนหลับ
- การตรวจสอบอาการและภาวะของคุณระหว่างการนอน
- การตรวจสอบการกระตุ้นทางสมองในระหว่างการนอน
- การตรวจสอบหมอนหรือเครื่องนอนที่ใช้
ในบางกรณี แพทย์อาจจะสั่งให้คุณทำการตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุของการกรนมากยิ่งขึ้น อาจจะต้องไปทำการตรวจด้วยเครื่องมือช่วยเหลือการวินิจฉัยอย่าง PSG (polysomnography) หรือเครื่องมือช่วยวินิจฉัยอื่นๆ อีกด้วย
วิธีป้องกัน
อาการกรนเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้โดยการปรับพฤติกรรมการนอนหลับ เราจะแนะนำวิธีป้องกันกรนเพื่อให้คุณมีการนอนหลับที่สบายมากขึ้นและลดโอกาสในการเกิดอาการกรน
1. ปรับที่นอนและหมอน
การเลือกที่นอนและหมอนที่เหมาะสมสำหรับร่างกายเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะมันช่วยให้ร่างกายมีการสนับสนุนที่ดีขึ้นและไม่เกิดการแข็งตัวของกล้ามเนื้อที่ไม่จำเป็น ในการเลือกที่นอนและหมอนแนะนำว่าควรเลือกให้เหมาะสมกับพวกคุณเอง
2. หลีกเลี่ยงสัตว์เลี้ยง
หากคุณมีภูมิคุ้มกันต่ำที่สุด การหลีกเลี่ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่ควรทำ เนื่องจากสัตว์เหล่านี้อาจทำให้คุณเกิดอาการแพ้จนเกิดอาการกรนได้
3. เปิดห้องพักให้เย็น
การนอนในห้องที่อุณหภูมิสูงอาจทำให้คุณมีความร้อนและเหงื่อออกมากขึ้น ทำให้คุณสัมผัสได้ไม่สบาย เราแนะนำให้ปรับอุณหภูมิในห้องให้เย็นลง และเปิดเครื่องปรับอากาศหรือพัดลมให้เข้าถึงแล้วระบายอากาศ
4. หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา
การดื่มสุราหรือสารระงับประสาทอื่นๆ อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการกรน เพราะสารต่างๆเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงระบบประสาทได้ หากคุณมีปัญหาควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา
5. การใช้เครื่องเพิ่มความชื้น
การเพิ่มความชื้นในอากาศด้วยเครื่องเพิ่มความชื้นอาจช่วยลดอาการหายใจอักเสบหรือไอแห้ง ทำให้การหายใจเป็นไปอย่างสะดวกสบาย และลดความรู้สึกแห้งและอักเสบในทางคอและจมูก ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้เกิดอาการกรน
บทความน่าสนใจเกี่ยวกับเครื่องเพิ่มความชื้น : เครื่องเพิ่มความชื้น ช่วยอะไร? ข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้ 2023

วิธีการรักษาอาการกรน
เมื่อคุณได้รับการวินิจฉัยว่าคุณมีอาการนอนกรนแล้ว หากคุณไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาการกรนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคุณได้ ดังนั้นการรักษาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วอาจจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับ เช่น การลดการบริโภคแอลกอฮอล์ การออกกำลังกาย และการลดความเครียด อีกทั้งยังมีการใช้ยาเพื่อช่วยลดอาการกรนได้อีกด้วย
ยาที่ใช้ในการรักษากรนมีหลากหลายประเภท อาทิ ยากลุ่มเบนโซดิอาซีปีน ยากลุ่มบาร์บิติวริเจอร์ และยากลุ่มอื่น ๆ อีกมากมาย การใช้ยาเพื่อรักษาอาการกรนควรได้รับการแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ ซึ่งยาบางชนิดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง ดังนั้น คุณควรระบุว่าคุณมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือโรคประจำตัว ก่อนที่จะได้รับการจัดแผนการรักษา
สามารถหายเองได้หรือไม่?
สามารถรักษาและหายได้ในบางกรณี โดยสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนหลับ คุณอาจจะลองทำตามวิธีการต่อไปนี้เพื่อช่วยลดอาการ:
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการนอนหลับ: คุณสามารถลองปรับวิธีการนอนหลับ เช่น นอนหลังไม่กินอาหารก่อนนอนหรือเลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการได้
- การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีในการช่วยลดความเครียดและเป็นประโยชน์ต่อการนอนหลับอย่างมาก การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการกรน
- การจัดการความเครียด: ความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่ง การใช้เทคนิคผ่อนคลายอย่างการฝึกสมาธิหรือวิธีการผ่อนคลายต่างๆ อาจช่วยลดความเครียดและอาการกรนได้
- การเปลี่ยนพฤติกรรมการนอนหลับ: ลองเปลี่ยนวิธีในการนอนหลับ เช่น การใช้หมอนที่เหมาะสม หรือการเปลี่ยนตำแหน่งการนอน อาจช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายมากขึ้นและลดอาการกรน
แต่ในบางกรณี อาการนอนกรนอาจเป็นเรื่องราวที่น่าเป็นห่วงมากขึ้น โดยคุณควรรีบไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับคำแนะนำและการรักษา เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของคุณในอนาคต
FAQs : คำถามที่พบบ่อย
อาการนอนกรนเกิดขึ้นจากอะไร?
เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และสภาพทางกายภาพ เช่น ความอึดอัด หรือมีเสียงดังรบกวน
เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่?
สามารถเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเหนื่อย ง่วงซึม หรือ ภาวะซึมเศร้า แต่ถ้าเป็นเพียงเรื่องหนึ่ง-สองครั้ง จะไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพมากนัก
สุราเป็นสาเหตุของอาการกรนหรือไม่?
การดื่มสุรามากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการกรนได้ ซึ่งอาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาใกล้กับการนอน
ข้อมูลอ้างอิง : https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/15580-snoring